เมนู

ปัญญาในรูปาวจรทั้งหลาย ก็นัยนี้. พึงทราบในนิทเทสแห่งบทที่ 2 มีคำว่า
จตูสุ ภูมีสุ วิปาเก (แปลว่า ในวิบากธรรมในภูมิ 4) ได้แก่ ปัญญาใน
กามาวจรวิบาก ชื่อว่า ชาปิตัตถา เพราะยังประโยชน์ในกามาวจรวิบากให้
เกิดแล้วดำรงอยู่ ด้วยสามารถแห่งปัจจัยมีสหชาตปัจจัยเป็นต้น. แม้ปัญญาใน
วิบากมีรูปาวจรปัญญา เป็นต้น ก็นัยนี้เหมือนกัน.
อีกอย่างหนึ่ง ปัญญานี้ แม้ทั้งหมด ชื่อว่า ชาปิตัตถา เพราะให้
เกิด ให้ผลิตผลให้เป็นไปทั่วด้วยเหตุทั้งหลายของตน ๆ และแม้ตัวเองก็เป็น
ประโยชน์ ดังนี้บ้าง. แม้ในปัญญาอันเป็นกิริยาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
ปัญญาของพระอรหันต์เมื่อขณะที่อภิญญาเกิดแล้ว เมื่อขณะที่สมาบัติเกิดแล้ว
ดังนี้ ก็นัยนี้แหละ.

นัยแห่งอรรถกถาอันเป็นบาลีมุตตกะ อีกนัยหนึ่ง


ก็แม้ปัญญาในกิริยาอันเป็นกามาวจร ชื่อว่า ชาปิตัตถา เพราะยัง
ประโยชน์กล่าวคือกามาวจรกิริยาให้เกิดแล้ว ดำรงอยู่ด้วยอำนาจแห่งสหชาต-
ปัจจัยเป็นต้น. แม้ในปัญญาอันเป็นกิริยาในรูปาวจรและอรูปาวจร ก็นัยนี้
แหละ.
อีกอย่างหนึ่ง ปัญญานี้แม้ทั้งหมด ชื่อว่า ชาปิตัตถา เพราะให้เกิด
ให้ผลิตผล ให้เป็นไปทั่ว ด้วยเหตุทั้งหลายของตน ๆ และแม้ตัวเองก็เป็น
ประโยชน์ดังนี้บ้าง. คำที่เหลือทั้งหมดในที่นี้ ปรากฏชัดแล้วทั้งนั้น เพราะ
มีนัยดังที่กล่าวแล้วในอรรถกถาแห่งธัมมสังคหะ ฉะนี้แล.
ญาณวัตถุหมวด 2 จบ